คลินิกเสริมนมเก่งที่สุดยังไม่สำคัญเท่า 9 เรื่องนี้ที่คุณควรรู้!!
- czopspectercom
- 0
- on มี.ค. 04, 2019
กลายเป็นเรื่องปกติที่สังคมยอมรับได้ในการผ่าตัดเสริมหน้าอกสำหรับผู้หญิง ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะมีแนวโน้มทำนมกันมากขึ้นถ้าเทียบต่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งความต้องการนำมาสู่คำถามเรื่องคลินิกเสริมนมเก่งที่สุด ถ้าจะให้พูดตามตรงการใช้บริการกับคลีนิคที่มีใบรับรองและแพทย์ชำนาญการจะดีกว่า ถ้าเป็นคลีนิคเถื่อนรับรองว่าไม่ดีแน่แต่สิ่งที่สำคัญกว่าใครเก่งกว่ากันคือ 9 เรื่องที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้
เสริมนมเก่งที่สุดยังไม่สำคัญเท่าความปลอดภัย
คุณภาพและความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ อาจารย์ นายแพทย์ พีระ เทียนไพฑูรย์ แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ประธานกรรมการบริหารพีเอสซีคลีนิค มีคำแนะนำและเคล็ดลับดีๆ “10 เรื่องต้องรู้!!! ก่อนเสริมหน้าอก” มาให้พิจารณาประกอบการตัดสินใจ
1.เตรียมตัวช่วยให้ผลลัทพ์ดีกว่า?
มันก็คล้ายการเตรียมตัวผ่าตัดทั่วไป การเสริมหน้าอกคือการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญ คนไข้ส่วนใหญ่ต้องดมยาสลบ ต้องงดข้าว-อดน้ำ 24 ชั่วโมง โดยประมาณ น้อยที่สุดคือ 6 ชั่วโมง เคสส่วนเคสจะให้อดหลังเที่ยงคืนก่อนวันผ่าตัดจริง และงดยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน สำหรับคนที่ขี้กลัวการผ่าตัดเสริมหน้าอกทางทีมแพทย์จะใช้การดมยาให้
2.เสริมหน้าอก มีกี่แบบ?
2.1.) ผ่านปานนม สมัยก่อนทำที่จุดนี้ ข้อดีคือแผลผ่าตัดเข้าถึงเต้านมโดยตรง จึงเจ็บน้อยหน่อย แต่ข้อเสียคือ มีรอยแผลที่รอบปานนม
2.2.) ผ่านหัวนม ข้อดีคือ แผลผ่าตัดพุ่งเข้าเต้านมโดยตรง เวลาทำแผลนิดเดียว แต่ข้อเสียอาจเกิดอาการชาได้
2.3.) เข้าทางรักแร้ ข้อดีจะมีแผลตามสร้อยของรักแร้ ไม่มีแผลตามร่างกาย แต่บางคนบอกว่าการทำงานต้องใช้มือ ซึ่งจะเจ็บประมาณ 1 อาทิตย์
2.4.) ใต้ราวนม ข้อเสียคือ จะมีแผลตลอดชีวิต ถ้าบางคนเป็นคีลอยด์ง่ายจะเห็น ส่วนมากวิธีนี้ทำในคนที่มาแก้หน้าอก หรือทำในคนที่เสริมหน้าอกแล้วมีปัญหาแข็ง
2.5.) ผ่านทางสะดือ ข้อดีคือมีแผลตรงขอบสะดือ แผลเล็ก แต่ข้อเสียคือทำได้เฉพาะคนที่เสริมหน้าอกด้วยน้ำเกลือ เพราะแผลเล็กต้องพับเข้าไป ใช้ซิลิโคนเข้าไม่ได้
วิธีที่นิยมทำกันมากที่สุดในปัจจุบันคือการเสริมทางรักแร้ เพราะไม่เห็นรอยแผลเพราะต้นแขนจะบดบังไว้ เมื่อแผลหายก็อยู่ในสร้อยของรักแร้ และถ้าต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติก็ต้องดูจากเบ้าของคนไข้ ถ้าเบ้าเล็กแต่เลือกขนาดซิลิโคนใหญ่ๆ ก็ไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนห้องแคบๆ แล้วอัดไปเยอะๆ ดังนั้นต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ และขึ้นกับลักษณะของซิลิโคนที่ใช้ ถ้าใช้แบบหยดน้ำก็เป็นธรรมชาติ
3.สาวประเภทสองเสริมหน้าอก ต่างจากผู้หญิงทั่วไปไหม?
สาวประเภทสองจะมีฮอร์โมนเพศชายเยอะ จะมีกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกที่มากกว่าผู้หญิงและกล้ามเนื้อค่อนข้างจะแข็งแรง อย่างที่เคยปรากฎว่าทำตามคลินิกแล้วทะลุปอด เพราะ เวลาคว้านต้องใช้แรงมาก ถ้าพลาดก็ลงไปที่ปอดได้ ต้องระวัง
นอกจากกล้ามเนื้อแข็งแรงแล้ว ส่วนใหญ่กลุ่มนี้ต้องการเสริมหน้าอกที่มีขนาดใหญ่กว่าผู้หญิงทั่วไป ต้องการไซซ์ใหญ่มากๆ หมอผ่าตัดจึงต้องใช้ความชำนาญ เพราะทำยากกว่าผู้หญิง แต่หลังทำการดูแลรักษาเนื้อรักษาตัวของกลุ่มนี้ดีกว่าผู้หญิง ดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอกดีมาก ไม่ค่อยมีปัญหา
4.ขนาดซิลิโคนไซน์ไหนดีกว่ากัน?
การเสริมหน้าอกจะวัดจากขนาดเความกว้างของหน้าอกแต่ละข้าง โดยจะวัดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่หัวนมจนถึงปานนมด้านล่าง เป็นเส้นผ่าศูนย์กลางที่ควรจะใส่ จะให้คนไข้เลือกเอง แต่ค่าเฉลี่ยทั่วไปของหญิงไทยคือ 200-250 cc นั่นคือแบบธรรมดา แต่ถ้าต้องการใหญ่ขึ้นไปก็ 300-350-400 cc ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูขนาดตัวเต้าด้วย ถ้าคนไข้ตัวเล็ก ฐานเต้าเล็กแต่ต้องการใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นทรงสูง ถ้าคนไข้มีฐานเต้ากว้างก็ต้องเอาทรงกว้าง จะได้ดูเป็นธรรมชาติ
ถ้าใหญ่เกินตัว นานไปทรงจะลอยขึ้นบน ไม่อยู่ตรงกลาง หัวนม-ปานนมจะชี้ลงหรือชี้ขึ้น ถ้าใหญ่มากกลายเป็นรูปทรงมะละกอจะลอยขึ้น และถ้าใหญ่มากเกินไปก็จะทำให้ปวดหลังได้
5.หลังผ่าตัดจะมีอาการเจ็บแบบรถทับจริงหรือ?
ถ้าคนไข้ทำการผ่าตัดส่วนของรักแร้ก็จะเจ็บที่รักแร้เล็กน้อย และจะเจ็บตรงตัวเต้าที่ขยายบ้าง แต่ปัจจุบันไม่ค่อยเจ็บเหมือนสมัยก่อน เมื่อก่อนเจ็บเหมือนรถทับจริง แต่ปัจจุบันมีวิวัฒนาการที่จะช่วยให้คนไข้เจ็บน้อยลงมาก
6.ช่วงพักฟื้นใช้เวลานานแค่ไหน?
ส่วนใหญ่ 24 ชั่วโมง พอคนไข้ฝื้นตัวก็อยากจะกลับบ้าน ที่ทางแพทย์แนะนำให้พัก 24 ชั่วโมงเพราะหลังดมยาต้องพัก 24 ชั่วโมง เนื่องจากการใส่ท่อหายใจอาจทำให้ท่อหายใจเกิดการบวม หลัง 24 ชั่วโมงถ้าไม่บวมก็ให้กลับบ้านได้
7.พังผืดที่อาจจะเกิดขึ้นหลังเสริมหน้าอกแก้ไขอย่างไร?
พังผืดเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำจมูกหรือการศัลยกรรมใดๆก็ตามหากใส่ของแปลกปลอมเข้าในร่างกาย หรือแม้แต่แผลในร่างกาย เช่น แผลไส้ติ่ง
พังผืดในร่างกายจะเป็นตัวทำให้ซิลิโคนแข็งแนะนำให้คนไข้นวดเพื่อทำให้พังผืดบาง เกาะห่างๆ เวลาจับจะได้เป็นธรรมชาติ
8.สาเหตุที่ซิลิโคนแตกเพราะอะไร?
ซิลิโคนแตกได้ 2 กรณีด้วยกัน 1. คนไข้เกิดอุบัติเหตุ หรือโดนของคม การนวด ทับแรงๆ ไม่แตก ส่วนใหญ่โดนของคม 2.ก่อนใส่เปิดเบ้าแล้วอัดซิลิโคนเข้าไปเต็มที่ก็สามารถแตกได้โดยที่หมอไม่รู้ แต่หลังแตกจะรู้ได้เพราะคนไข้จะมีอาการปวดแสบปวดร้อน
9.สิ่งที่ควรทำหลังเสริมหน้าอก?
หลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์คนไข้ส่วนมากจะไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อครบ 1 อาทิตย์ แพทย์จะนัดมาสอนนวด ให้กลับไปนวดเองประมาณ 6 เดือนก็จะเข้าที่ เมื่อออกกำลังกาย ไปเข้ายิม วิ่ง จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน ก็จะเกิดพังผืดน้อย
สำหรับคุณผู้หญิงที่มีแผนในการเสริมหน้าอกแนะนำให้ทำหลังจากอายุ 17 ปีขึ้นไป หน้าอกโตเต็มที่แล้ว เหมือนการทำจมูก หรือตา ก็ต้องมีอายุ 17 ปี ขึ้นไป และผมเชื่อว่าการเตรียมตัวเพื่อความปลอดภัยกว่ากว่ามานั่งคิดว่าคลินิกไหนเสริมนมเก่งที่สุดขอเพียงอย่าเข้าคลินิกเถื่อนก็พอรับรองว่าคุณจะได้ผลลัพท์ที่ดีแน่นอน